หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า เกาหลีใต้ (อังกฤษ: South Korea) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พรมแดนทางเหนือติดกับประเทศเกาหลีเหนือ มีประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้โดยมีทะเลญี่ปุ่นและช่องแคบเกาหลีกั้นไว้
ในภาษาเกาหลีอ่านชื่อประเทศว่า แทฮันมินกุก (대한민국; 大韓民國) โดยเรียกสั้น ๆ ว่า ฮันกุก (한국) ที่หมายถึงเกาหลี และบางครั้งจะใช้ชื่อว่า นัมฮัน (남한) ที่หมายถึง เกาหลีทางใต้ ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะเรียกเกาหลีใต้ว่า นัมโชซ็อน (남조선) ที่หมายถึง โชซ็อนใต้ ตั้งอยู่ที่ ละติจูด 33-39 องศาเหนือ ลองจิจูดที่ 125-131 องศาตะวันออก 70% ของประเทศเป็นภูเขา
จักรวรรดิเกาหลี
จักรวรรดิเกาหลี หรือ แทฮันเจกุก (อังกฤษ: The Greater Korean Empire ; เกาหลี: 대한제국, ฮันจา: 大韓帝國, MC: Daehan Jeguk, MR: Taehan Chekuk) คือราชอาณาจักรโชซ็อนที่ประกาศยกสถานะของรัฐจากราชอาณาจักรเป็นจักรวรรดิ ตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าโกจง พร้อมกับการเปลี่ยนพระอิสริยยศจาก กษัตริย์ เป็น จักรพรรดิ โดยพระองค์มีพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดิควางมูแห่งจักรวรรดิเกาหลี เพื่อให้ประเทศเอกราชจากจักรวรรดิชิง และยกสถานะของประเทศมีความเท่าเทียมกับจักรวรรดิชิง และ จักรวรรดิญี่ปุ่น แม้ว่าโดยพฤติการณ์แล้วสถานะของเกาหลีไม่ได้เข้าข่ายการเป็นจักรวรรดิเลยก็ตาม จนกระทั่งถูกจักรวรรดิญี่ปุ่นยึดครองในปี ค.ศ. 1910
เกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น
เมื่อ พ.ศ. 2453 ญี่ปุ่นได้ผนวกเกาหลีเป็นทาสของตนตามสนธิสัญญาการรวมญี่ปุ่น-เกาหลี ซึ่งสนธิสัญญานี้เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย เพราะมีการลงนามของกษัตริย์เกาหลี เกาหลีเป็นเมืองขึ้นจนกระทั่งญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงครามเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ในระหว่างการปกครองของญี่ปุ่น มีการสร้างระบบคมนาคมแบบตะวันตก ส่วนใหญ่ล้วนทำเพื่อประโยชน์ของชาวเกาหลี ญี่ปุ่นยกเลิกราชวงศ์โชซ็อน ยุบพระราชวัง ช่วยปรับปรุงระบบภาษี ให้ส่งข้าวจากเกาหลีไปช่วยญี่ปุ่น มีการใช้แรงงานทาสในการสร้างถนนและทำเหมืองแร่
หลังการสวรรคตของกษัตริย์โกจง (Gojong) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2461 ด้วยยาพิษ ทำให้เกิดการเรียกร้องเอกราชทั่วประเทศ เมื่อ 1 มีนาคม พ.ศ. 2461 ผลจากการลุกฮือขึ้นเรียกร้องเอกราชทำให้ชาวเกาหลีราว 7,000 คนถูกฆ่าโดยทหารและตำรวจญี่ปุ่น ชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมากถูกฆ่าหรือเผาในโบสถ์ระหว่างการเรียกร้องเอกราชมีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของเกาหลีที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากการเคลื่อนไหว 1 มีนาคม เพื่อต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น
การลุกฮือขึ้นต่อต้านญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น การลุกฮือของนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2472 จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ พ.ศ. 2474 หลังจากเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2480 ญี่ปุ่นพยายามลบล้างความเป็นชาติของเกาหลี การสอนประวัติศาสตร์และภาษาเกาหลีในโรงเรียนถูกห้าม การแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเกาหลีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ชาวเกาหลีถูกบังคับให้มีชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น สิ่งของมีค่าถุกนำออกจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่นหนังสือพิมพ์ถูกห้ามตีพิมพ์ด้วยภาษาเกาหลี หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จำนวนมากถูกเผาทำลาย
ชาวเกาหลีจำนวนมากอพยพออกจากเกาหลีไปสู่แมนจูเรียและรัสเซีย ชาวเกาหลีในแมนจูเรียจัดตั้งขบวนการกู้เอกราชชื่อ "ทุงนิบกุน" (Dungnipgun) ขบวนการนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ทำสงครามกองโจรกับกองทัพญี่ปุ่น กองทัพเหล่านี้ได้รวมตัวกันเป็นกองทัพปลดปล่อยเกาหลี เมื่อราว พ.ศ. 2483 เคลื่อนไหวในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวเกาหลีกว่าหมื่นคนเข้าร่วมในกองทัพปลดปล่อยประชาชนและกองทัพปฏิวัติแห่งชาติ
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ร่วมมือกับญี่ปุ่น ชายชาวเกาหลีถูกเกณฑ์เข้าร่วมในกองทัพญี่ปุ่น ผู้หญิงจากจีนและเกาหลีราว 200,000 คน ถูกส่งตัวไปเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่น
เกาหลีก่อนแยกเป็นเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เดิมเมืองหลวงอยู่ที่กรุงโซล เมืองที่เป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของประเทศมานานกว่า 600 ปี มีแม่น้ำฮันกังไหลผ่านและเทือกเขานัมซันตั้งอยู่ใจกลางเมือง ประวัติของเกาหลีก่อนที่จะเจอสงครามเย็นจนแยกออกเป็นสองประเทศนั้นเคยถูกทั้งจีนและญี่ปุ่นรุกรานจนอ่วมไปหนักหนาสาหัสแล้วส่วนสงครามเกาหลีซึ่งเกิดขึ้นในปีค.ศ.1950-1953เป็นช่วงต่อจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และเริ่มต้นสงครามเย็นดังนั้นต้องย้อนประวัติศาสตร์ไปหน่อย เรื่องมีอยู่ว่าสหภาพโซเวียต ภายใต้การนำของสตาลิน จดๆจ้องๆจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่นอยู่แล้ว พออเมริกาทิ้งปรมาณูบอมบ์ฮิโรชิม่าจนญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้เมื่อ 15 ส.ค. 1945 เท่านั้นแหละ โซเวียตก็ยกทัพบุกแมนจูเรียกับเกาหลีทางเหนือทันที ซึ่งทั้งสองดินแดนที่ว่านี้ก็ค่อนข้างยินดี เนื่องจากเกลียดญี่ปุ่นจับจิตอยู่แล้วแต่สำหรับมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพิ่งคว้าชัยมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มองสถานการณ์นี้แบบไม่พอใจนัก เนื่องจากกลัวว่าลัทธิคอมมิวนิสต์ของโซเวียตจะแผ่อาณาจักรมากขึ้น จึงยื่นมือเข้าไปปรามโซเวียตว่า จะต้องแยกอำนาจเกาหลีออกเป็นสองฝ่าย โดยให้โซเวียตกำกับดินแดนที่อยู่เหนือเส้นขนาย 38 ขึ้นไป

ในช่วงเวลาดังกล่าวการเมืองของเกาหลีทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้วูบวาบตลอดเวลา แต่ฝ่ายเหนือดูเหมือนจะมั่นคงกว่า เมื่อโซเวียตหนุนหลังคิม อิล ซุง สร้างอำนาจเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายใต้แตกแยกเป็นฝ่ายนิยมคอมมิวนิสต์กับฝ่ายต่อต้าน โดยมีอเมริกาแอบหนุนหลังฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์จนครองอำนาจเสร็จในปี 1947 ฝ่ายเหนือและใต้พยายามจะเปิดเจรจาเพื่อรวมชาติหลายครั้ง แต่ทั้งโซเวียตและอเมริกาต่างไม่ยอม เพราะกลัวจะเสียท่าให้อีกฝ่าย ในที่สุดทั้งสองดินแดนจึงจัดเลือกตั้งและมีรัฐบาลแยกตัวกันอย่างเด็ดขาด นำไปสู่การทำสงครามในปี 1950 เมื่อเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ข้ามไปถล่มเกาหลีใต้ครั้งแรกวันที่ 25 มิ.ย. 1950 กว่าสงครามจะยุติลงก็ดำเนินไปถึงวันที่ 27 ก.ค. 1953ตอนนั้นสงครามก็คร่าชีวิตชาวเกาหลีไปมากกว่า 3 ล้านราย(10 ก.พ. 2543)

ในช่วงเวลาดังกล่าวการเมืองของเกาหลีทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้วูบวาบตลอดเวลา แต่ฝ่ายเหนือดูเหมือนจะมั่นคงกว่า เมื่อโซเวียตหนุนหลังคิม อิล ซุง สร้างอำนาจเต็มที่ ขณะที่ฝ่ายใต้แตกแยกเป็นฝ่ายนิยมคอมมิวนิสต์กับฝ่ายต่อต้าน โดยมีอเมริกาแอบหนุนหลังฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์จนครองอำนาจเสร็จในปี 1947 ฝ่ายเหนือและใต้พยายามจะเปิดเจรจาเพื่อรวมชาติหลายครั้ง แต่ทั้งโซเวียตและอเมริกาต่างไม่ยอม เพราะกลัวจะเสียท่าให้อีกฝ่าย ในที่สุดทั้งสองดินแดนจึงจัดเลือกตั้งและมีรัฐบาลแยกตัวกันอย่างเด็ดขาด นำไปสู่การทำสงครามในปี 1950 เมื่อเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ข้ามไปถล่มเกาหลีใต้ครั้งแรกวันที่ 25 มิ.ย. 1950 กว่าสงครามจะยุติลงก็ดำเนินไปถึงวันที่ 27 ก.ค. 1953ตอนนั้นสงครามก็คร่าชีวิตชาวเกาหลีไปมากกว่า 3 ล้านราย(10 ก.พ. 2543)